“แรมโบ้”ฟาด”เพื่อไทย” ถ้าไม่อยากทำงานเพื่อประชาชน ก็ลาออกไปซะ อยู่ไปก็เปลืองภาษี
7 กุมภาพันธ์ 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา และเกิดสภาล่มอีกครั้ง หลังจากนั้นมีการตรวจสอบพบว่า มีส.ส.แสดงตน จำนวน 195 คน ทำให้ไม่ครบองค์ประชุมจำนวน 237 คน ทำให้เป็นที่วิพากวิจารณ์ในสังคมเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย ต่างก็ออกมาเรียกร้องให้ ส.ส.รัฐบาลรับผิดชอบ กับกรณีดังกล่าว แต่เมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็พบว่า การที่สภาล่มนั้น ส่วนของพรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย มี ส.ส.แสดงตนเพียงแค่ 2 คน คือ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ไม่แสดงตน 129 คน ซึ่งที่น่าสังเกตคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ก็ไม่แสดงตนด้วยเช่นกัน ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ชี้แจง กรณีถูกตั้งคำถามเรื่องพรรคเพื่อไทยไม่แสดงตนร่วมเป็นองค์ประชุม ทำให้สภาล่มว่า เรื่อง สภาล่ม สองครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น หลายคนสับสนว่าเหตุใด เพื่อไทย จึงไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม แตกต่างจากก้าวไกลที่อยู่เป็นองค์ประชุม นายจุลพันธ์ ให้ข้อมูลว่าเหตุผลง่ายๆ คือเป้าหมายหลักของพรรคเพื่อไทย คือการยุติการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ และการที่สภาล่ม เป็นสัญญานชี้ว่ารัฐบาลไม่อาจคุมเสียงข้างมากในสภาได้ จะเป็นตัวเร่งให้ยุบสภาเร็วขึ้น ยืนยันพรรคเพื่อไทยอยากเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชน
นายเสกสกล กล่าวว่า พฤติกรรม ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนได้เห็นแล้วว่า ส.ส.เพื่อไทย นั้น ไม่ได้ต้องการทำหน้าที่ผ่านกฎหมายสำคัญ ให้กับประชาชน มุ่งหวังเล่นการเมืองเพื่อล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ไม่ได้สนใจ ว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน จากกฎหมายสำคัญ ต่าง ๆ จะล่าช้าออกไปอย่างไร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ใยดี ต่อความต้องการเหล่านั้นของประชาชน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต้องการอย่างเดียว คือสนใจ เรื่องการเลือกตั้งใหม่ เพื่อต้องการกลับมาเป็นรัฐบาล และต้องการพานายใหญ่ นายหญิงกลับประเทศ นั่นคือเป้าหมายของบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย
“การเป็น ส.ส.แล้วไม่ทำหน้าที่ในสภา จะมาเป็น ส.ส.หาพระแสงอะไร ก็ลาออกไปซะ เพราะ เงินเดือน ส.ส. ไม่ได้น้อย ๆ ยังมีเงินเดือนทีมงานอีก รวม ๆ แล้วคนหนึ่ง พร้อมทีมงาน รับเงินเดือน รวมกันเฉียด 3 แสนบาท ดังนั้น การที่ไม่ยอมทำหน้าที่ในสภา ก็ไม่สมควร ที่จะหน้าด้านรับเงินเดือน อีกต่อไป ควรจะลาออกไป ไม่ใช่มานั่งกินภาษีประชาชน แล้วไม่ทำงาน ฝากพี่น้องประชาชนก็เช่นเดียวกัน ควรจะต้องจดรายชื่อพวก ส.ส. ที่กินเงินเดือนแล้วไม่ทำงาน ติดฝาบ้านเอาไว้เลย แล้วต่อไป ก็ไม่ต้องเลือกพวกส.ส.ประเภทนี้เข้าสภาอีก เพราะเลือกมาแล้วไม่ทำงาน นั่งกินเงินเดือนเปล่าๆ แบบนี้ยังสมควรให้โอกาสมาทำหน้าที่ในสภาอีกไหม
” เหตุอ้างเพื่อบีบนายกฯยุบสภา ฟังไม่ขึ้น ทั้งที่เป็นวาระสำคัญที่รัฐบาลเสนอเข้าสภาฯแม้แต่พรรคก้าวไกลยังเห็นชอบ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยแม้แต่ผู้นำฝ่ายค้านหมอชลน่านอยู่ในสภายังไม่แสดงตนต้องการให้สภาล่ม ไม่เห็นหัวอกประชาชนเลยสักนิด คิดได้เช่นนี้จะมาเป็นรัฐบาลไม่ได้เลย อยากมีอำนาจรัฐจนกิเกสครอบงำเอาหนัก ตนคิดว่าคงเป็นได้เพียงฝ่ายค้านตลอดชีพจะเหมาะสมที่สุด” นายเสกสกลกล่าว