“บิ๊กตู่” เชื่อมั่น การจัดงาน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก” ครั้งที่ 4
ข่าวอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก
“บิ๊กตู่” เชื่อมั่น การจัดงาน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก” ครั้งที่ 4 ภายใต้มาตการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด จะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้าน “รมต.พิพัฒน์” หวัง “วิ่งผ่าเมือง” จะขึ้นสู่ทำเนียบท็อป 10 ของโลก ในรายการมาราธอนยอดนิยมที่จัดขึ้นในเมืองหลวง
นายพิพัฒน์ รัฐกิจประการ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดงาน และคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประชาสัมพันธ์การแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยว รายการ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์ บาย โตโยต้า” ครั้งที่ 4 หรือ “วิ่งผ่าเมือง” ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติ-ยาภาฯ พร้อมเงินรางวัลรวม 1,729,500 บาท
สำหรับรายการนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมโรคของกรุงเทพมหานคร ให้จัดแข่งขันได้ภายใต้ข้อกำหนดให้ปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด กำหนดจัดงานในวันที่ 26 ก.พ.65 แข่งขันระยะ 10 กม. 5 กม. ปล่อยตัว ณ โลหะปราสาท ถนนราชดำเนิน และวันที่ 27 ก.พ. 65 แข่งขันระยะ 42 กม. 21 กม. ปล่อยตัว ณ ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นในมาตรการด้านสาธารณสุข และประสิทธิภาพในการจัดงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตนขออวยพรให้การแข่งขันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ สามารถสร้างพลังขับเคลื่อนของกลุ่มผู้รักการออกกำลังกาย ให้หันกลับมาใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง ซึ่งถือเป็นภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บได้ดีกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง และยังเป็นการประกาศสู่ทั่วโลกว่าประเทศไทย สามารถที่จะจัดงานอีเว้นท์ระดับโลก ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า รายการนี้ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก และถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินการแข่งขันวิ่งมาราธอนของโลก ขณะนี้ถือเป็นรายการที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการจัดงานที่มีคุณภาพสูง และยังได้รับความนิยมจากนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในระดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย ตนหวังว่าในอีกไม่นานนี้ “วิ่งผ่าเมือง” จะขึ้นสู่ทำเนียบทอป 10 ของโลก ในรายการมาราธอนยอดนิยมที่จัดขึ้นในเมืองหลวง เทียบเท่า “โตเกียว มาราธอน” ที่ญี่ปุ่น หรือ “ปักกิ่ง มาราธอน” ของจีน อย่างแน่นอน
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า รายการนี้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งถูกเลื่อนมาจากกำหนดการเดิม เมื่อวันที่ 14 มีน.ค.64 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคของกรุงเทพมหานคร ให้สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันได้ และต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของ ศบค. อย่างเคร่งครัด การแข่งขันรายการนี้จะจัดจำนวน 2 วัน คือวันเสาร์ที่ 26 ก.พ. 65 (แข่งขันระยะ 10 กม. 5 กม.) และวันที่ 27 ก.พ. 65 (แข่งขันระยะมาราธอน 42.195 กม. และฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม.) ปล่อยตัวที่ราชมังคลกีฬาสถาน และเข้าเส้นชัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง
นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ กล่าวว่า “วิ่งผ่าเมือง” เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนทุกภาคส่วน อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย, กรมอนามัยและกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, กรุงเทพมหานคร, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, สมาคมกรีฑาโลก โดยสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ, ไทยแลนด์ไตรลีก และภาคเอกชน อีกเป็นจำนวนมาก มีผู้สนใจสมัครร่วมแข่งขันเต็มจำนวน 26,500 คน โดยฝ่ายจัดการแข่งขันฯ ได้เปิดโอกาสให้นักวิ่งสามารถเลือกวันแข่งขันได้ คือ ในวันที่ 26-27 ก.พ.นี้ หรือหากไม่พร้อม ด้วยจากสาเหตุต่างๆ อาทิ ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือร่างกายไม่ฟิตเพียงพอ ก็สามารถไปแข่งขันในครั้งต่อไป (4 ธ.ค.65) ได้ ตนคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ประมาณ 20,000 คน (จาก 26,500 คน)