“กุลวุฒิ-พาณิภัค-สมเกียรติ-อาฒยา-สายสุนีย์-พงศกร” คว้ารางวัลนักกีฬาดีเด่น “วันกีฬาแห่งชาติ 2566”

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ 2566 โดยมี นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) , นายสาธิต บุญทอง กรรมการคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย, ผศ.ดร. ชาญชัย สุขสุวรรณ กรรมการคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย, ผู้บริหาร กกท. ,ผู้บริหารสมาคมกีฬาฯ และนักกีฬาทีมชาติ ร่วมงาน ณ ลานพลาซ่า บริเวณทางขึ้นราชมังคลากีฬาสถาน ฝั่งสระว่ายน้ำ กกท. เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อ 15 เมษายน 2529 โดยกำหนดให้ทุกวันที่ 16 ธันวาคม ของทุกๆปีเป็น “วันกีฬาแห่งชาติ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงชนะเลิศการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค. ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2510 ยังความปลื้มปิติ แก่ประชาชนชาวไทยทั้งชาติ

“การที่นักกีฬาซึ่งเป็นตัวแทนของชาติ ได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ฝึกซ้อม ทุ่มเท พลังทั้งหมดในการแข่งขันจนชนะเลิศ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ ถือเป็น การเสียสละ เพื่อประเทศชาติตามรอยพระยุคลบาท โดยผลงานของนักกีฬาในรอบปีที่ผ่าน ถือว่าได้สร้างชื่อเสียงและความสุขให้กับประชาชนในประเทศเป็นอย่างมาก”

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงสืบสานพระราชปณิธานด้านกีฬาของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง จึงจัดงานในปีนี้ขึ้นมา ซึ่งถือจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 38 ภายใต้แนวคิด “Supporter Spirit Soft Power” โดยมีการมอบรางวัลให้กับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และบุคลากรกีฬา ซึ่งถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทุกท่านที่ได้รับรางวัล ความสำเร็จที่ได้รับจากการแข่งขันกีฬา นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยทุกคน และเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน และประชาชนหันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาอันจะเป็นประโยชน์ทางสังคม ทำให้คนในประเทศชาติ มีสุขภาพที่แข็งแรง

ซึ่งปีนี้มีการมอบรางวัลนักกีฬาดีเด่นรวม 38 รางวัล ใน 10 สาขา และมอบรางวัลพิเศษให้แก่นักบริหารกีฬาระดับนานาชาติทรงคุณค่า และนักบริหารกีฬาทรงคุณค่า โดยมีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้ นักกีฬาสมัครเล่นชายดีเด่น ได้แก่ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (แบดมินตัน) จากผลงานสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกชายเดี่ยวในปีนี้ ส่วนรองดีเด่นชาย 2 คน ได้แก่ บัลลังก์ ทับทิมแดง (เทควันโด) กับ ธีเดช ทรงสายสกุล (อีสปอร์ต),นักกีฬาสมัครเล่นหญิงดีเด่น ได้แก่ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทควันโด) จากผลงานสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และเพิ่งทำสถิติคว้าแชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์สูงสุดตลอดกาลของนักเทควันโดหญิงที่จำนวน 12 สมัย ส่วนรองดีเด่น 2 ราย ได้แก่ สิริวิมล ประมงคล (ยกน้ำหนัก) กับ จ่าอากาศตรีหญิง จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (มวยสากล),นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นชายดีเด่น ได้แก่ วีรพล วิชุมา (ยกน้ำหนัก) ส่วนรองดีเด่น ได้แก่ ม.ล.เวฆา ภาณุพันธ์ (เรือใบ) กับ ภูริพล บุญสอน (กรีฑา), นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นหญิงดีเด่น พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ (แบดมินตัน) ส่วนรองดีเด่น ได้แก่ กมลชนก สีเคน (เทควันโด) กับ ธนพร แซ่เตีย (ยกน้ำหนัก),นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น ได้แก่ สมเกียรติ จันทรา (จักรยานยนต์), นักกีฬาอาชีพหญิงดีเด่น ได้แก่ อาฒยา ฐิติกุล (กอล์ฟ),นักกีฬามวยไทยอาชีพชายดีเด่น ได้แก่ ณัฐวุฒิ สิมมา หรือ เพชรจักจั่น ช.ห้าพยัคฆ์ ส่วน นักกีฬามวยไทยอาชีพหญิงดีเด่น ได้แก่ จันทร์จิรา ภารุนัย หรือ การะเกด พ.เมืองเพชร,นักกีฬาคนพิการชายดีเด่น ได้แก่ พงศกร แปยอ (วีลแชร์เรซซิ่ง) ส่วนรองดีเด่น จักริน ดำมุณี (กรีฑาคนพิการทางสายตา), นักกีฬาคนพิการหญิงดีเด่น ได้แก่ สายสุนีย์ จ๊ะนะ (วีลแชร์ฟันดาบ) ด้านรองดีเด่น ได้แก่ ศศิราวรรณ อินทโชติ (กรีฑาคนพิการ),ชนิดกีฬาทีมดีเด่นและประเภทกีฬาทีมดีเด่น ประเภทชนิดกีฬาทีมดีเด่น (SPORTS) ได้แก่วอลเลย์บอลทีมหญิง ชุดแชมป์เอเชีย และเหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์,ประเภทกีฬาทีมดีเด่น (EVENTS) ได้แก่ แบดมินตันคู่ผสม ซึ่งเป็นการจับคู่กันของ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย,ชนิดกีฬาทีมคนพิการดีเด่น (SPORTS) ได้แก่ ทีมฟุตบอลคนตาบอด ชุดทำศึกชิงแชมป์โลก, ประเภทกีฬาทีมคนพิการดีเด่น (EVENTS) ได้แก่ เทเบิลเทนนิสคนพิการ ชายคู่ Class MD8 ซึ่งเป็นการจับคู่กันของ วันชัย ชัยวุฒิ กับยุทธจักร กลิ่นบานชื่น,ผู้ฝึกสอนนักกีฬาสมัครเล่นดีเด่น ได้แก่ พันตำรวจโท วิจารณ์ พลฤทธิ์ (มวยสากล),ผู้ฝึกสอนนักกีฬาต่างประเทศดีเด่น ได้แก่ นายลุคแมน (ยกน้ำหนัก),ผู้ฝึกสอนนักกีฬาอาชีพดีเด่น ได้แก่ ภัททพล เงินศรีสุข (แบดมินตัน),ผู้ฝึกสอนนักกีฬาส่วนภูมิภาคดีเด่น ได้แก่ พัชรินทร์ จันแดง (สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดตรัง),ผู้ฝึกสอนนักกีฬาคนพิการดีเด่น ได้แก่ สุพรต เพ็งพุ่ม (วีลแชร์เรซซิ่ง),สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาคนพิการดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ,รางวัลบุคลากรทางการกีฬาดีเด่น ประเภทผู้บริหารดีเด่น ได้แก่ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ (เทควันโด),นักวิชาการดีเด่น ได้แก่ ดร.อาพรรณชนิต ศิริแพทย์ (นักจิตวิทยาการกีฬา),ผู้จัดการทีมดีเด่น ได้แก่ ธนฑิตย์ รักตะบุตร (เทควันโด) และ ผู้ตัดสินดีเด่น ได้แก่ ดร.สิริลักษณ์ ทัดมั่น (ยกน้ำหนัก) และนักกีฬาอาวุโสชายดีเด่น ได้แก่ สว่าง จันทร์พราหมณ์ (กรีฑา),นักกีฬาอาวุโสหญิงดีเด่น ได้แก่ วพีรญา มั่นกิจอมร (แบดมินตัน)

นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลพิเศษให้แก่นักบริหารกีฬาระดับนานาชาติทรงคุณค่า ได้แก่ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล รางวัลนักบริหารกีฬาทรงคุณค่า ได้แก่ นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และนายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส และการมอบรางวัลนักกีฬาดีเด่นของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ประจำปี 2566 รวมถึงมอบรางวัลนักกีฬาดีเด่นของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 กว่า 250 รางวัล และการมอบรางวัลครูชุม ผู้ปิดทองหลังพระ ประจำปี 2566 ให้แก่ นายพิศาล มูลศาสตรสาทร อดีตนายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณูปการที่อดีตนายกสมาคมฯ ได้วางรากฐานให้กับกีฬาวอลเลย์บอลของไทยได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาจวบจนถึง ณ ปัจจุบัน อีกด้วย

โฆษก กกท. / 16 ธันวาคม 2566

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *